วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

...อานิสงส์ของการถวายสังฆทาน..ในพระพุทธศาสนาเถรวาท...

**********************************************
...อานิสงส์ของการถวายสังฆทาน...ในพระพุทธศาสนาเถรวาท...
...บังเกิด ณ อดีตกาล...ใน “ ทัททัลลวิมาน ”...
**********************************************

บทนำ
                ความเดิมบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก เมื่อครั้นสมัยพุทธกาล ณ ดินแดนสวรรค์วิมาน “ทัททัลลวิมาน” มีเทพธิดานามว่า “สุภัททาเทพธิดา” ด้วยอานิสงส์ของการถวายสังฆทานในช่วงของการปฏิสนธิกาลเป็นมนุษย์นั้น ผลบุญของอานิสงส์นั้นมีผลานิสงส์มากมายจนทำให้ได้ไปบังเกิดปฏิสนธิกาลเป็นเทพธิดา ณ ดินแดนสวรรค์วิมาน ดังเรื่องราวที่ผู้เขียนได้หยิบยกนำมาสาธยาย เพื่อประกอบการศึกษาในการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา (รหัสวิชา พ.๑๒๐๔) โดยนำเสนอผลงานถวายพระอาจารย์ พระมหาบุญไทย ปุมโน, ดร.
                พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ(ภาษาไทย) พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา ข้อที่ ๓๔ หน้าที่ ๔๗ – ๕๐

*:ทัททัลลวิมาน:*
                ว่าด้วย...ผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในทัททัลลวิมาน นางภัททาเทพธิดาผู้พี่สาว ได้ถามนางสุภัเทพธิดาผู้น้องสาวว่า ท่านรุ่งเรืองด้วยรัศมี ทั้งเป็นผู้เรืองยศ ย่อมรุ่งเรืองโรจน์ล่วงเทพเจ้าชาวดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยรัศมี ดิฉันไม่เคยเห็นท่านเพิ่งจะมาเห็นในวันนี้เป็นครั้งแรก ท่านมาจากเทวโลกชั้นไหน จึงมาเรียกดิฉัน..โดยชื่อเดิมว่า “ภัททา” ดังนี้เล่า ? นางสุภัททาเทพธิดาผู้น้องสาวตอบว่า ข้าแต่พี่ภัททา ฉันชื่อว่า “สุภัททา” ในภพก่อนครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ดิฉันได้เป็นน้องสาวของพี่ ทั้งได้เคยเป็นภริยาร่วมสามีเดียวกับพี่มาด้วย ดิฉันตายจากมนุษยโลกนั้นมาแล้ว ได้มาเกิดเป็นเทพธิดาประจำสวรรค์ชั้นนิมมานรดีนางภัททเทพธิดาจึงถามต่อไปอีกว่า ดูกรแม่สุภัททา ขอเธอได้บอกการอุบัติของเธอในหมู่เทพเจ้า เหล่านิมมานรดี ซึ่งเป็นที่ ๆ สัตว์ได้สั่งสมบุญกุศลไว้มากแล้วจึงได้มาบังเกิด เธอได้มาเกิดในที่นี้เพราะทำบุญกุศลสิ่งใดไว้ และใครเป็นครูผู้แนะนำสั่งสอนเธอ เธอเป็นผู้เรืองยศ และถึงความสุขพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้ เพราะได้ให้ทานและรักษาศีลเช่นไรไว้ ดูกรแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย ? นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่าเมื่อชาติก่อน ดิฉันมีใจเลื่อมใสได้ถวายบิณฑบาต ๘ ที่ แก่สงฆ์ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล ๘ รูป ด้วยมือของตน เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น
นางภัททาเทพธิดาได้ถามต่อไปอีกว่า พี่ได้เลี้ยงดูพระภิกษุทั้งหลาย ผู้สำรวมดี ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ ด้วยมือของตนเองมากกว่าเธอ ครั้นให้ทานมากกว่าเธอแล้ว ก็ยังได้บังเกิดในเหล่าเทพเจ้าต่ำกว่าเธอ ส่วนเธอได้ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไรจึงมาได้ผลอย่างพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้เล่า แน่ะแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย ? นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่าเมื่อชาติก่อน ดิฉันได้เห็นพระภิกษุผู้อบรบทางจิตใจ เพื่อคุณอันยิ่งใหญ่จึงได้นิมนต์ท่านรวม ๘ รูปด้วยกัน มีพระเรวตเถระเป็นประธานด้วยภัตตาหาร ท่านพระเรวตเถระนั้นมุ่งจะให้เกิดประโยชน์ อนุเคราะห์แก่ดิฉัน จึงบอกดิฉันว่า จงถวายสงฆ์เถิด ดิฉันได้ทำตามคำของท่านทักขิณาของดิฉันนั้น จึงเป็นสังฆทาน ดิฉันให้เข้าตั้งไว้ในสงฆ์เป็นทานที่ไม่อาจปริมาณผลได้ว่ามีอยู่เท่าไร ส่วนทานที่คุณพี่ได้ถวายแก่ภิกษุด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล จึงมีผลไม่มาก นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะรับรองความข้อนั้นจึงกล่าวว่าพี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การถวายสังฆทานนี้ มีผลมาก ถ้าว่าพี่ได้ไปบังเกิดเป็นมนุษย์อีก จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ถวายสังฆทาน และไม่ประมาทเป็นนิตย์.เมื่อสนทนากันแล้ว นางสุภัททาเทพธิดาก็กลับไปสู่ทิพยวิมานของตนบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ท้าวสักกเทวราชได้ทรงสดับการสนทนานั้น เมื่อนางสุภัททาเทพธิดากลับไปแล้วจึงตรัสถามนางเทพธิดาว่าดูกรนางภัททา เทพธิดาผู้นั้นเป็นใคร มาสนทนาอยู่กับเธอย่อมรุ่งโรจน์กว่าเทพเจ้าเหล่าดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยรัศมี ? นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะบรรยายข้อที่สังฆทานของเทพธิดาผู้น้องสาวว่ามีผลมาก จึงทูลว่าขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ เทพธิดาผู้นั้น เมื่อชาติก่อนยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นน้องสาวของหม่อมฉัน และได้เคยร่วมสามีเดียวกันกับหม่อมฉันด้วย เธอสั่งสมบุญกุศล คือ ถวายสังฆทาน จึงได้ไพโรจน์ถึงอย่างนี้เพค๊ะ สมเด็จอัมรินทราธิราช เมื่อจะทรงสรรเสริญสังฆทาน จึงตรัสว่า ดูกรนางภัททา น้องสาวของเธอไพโรจน์กว่าเธอ ก็เพราะเหตุในปางก่อน คือ การถวายสังฆทานที่ไม่อาจจะปริมาณผลได้ อันที่จริง
ดังนี้ฉันได้ทูลถามพระพุทธเจ้า ครั้งประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ถึงผลแห่งไทยธรรมที่ได้จัดแจงถวายในเขตที่มีผลมาก ของมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญให้ทานอยู่ หรือทำบุญปรารภเหตุแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย จะถวายในบุคคลประเภทใด จึงจะมีผลมาก พระพุทธเจ้าตรัสตอบข้อความนั้นแก่ฉันอย่างแจ่มแจ้งว่า ท่านผู้ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค ๔ จำพวก และท่านผู้ตั้งอยู่ในอริยมรรค ๔ จำพวก พระอริยบุคคล ๘ จำพวกนี้ชื่อว่าสงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติตรงดำรงมั่นอยู่ในปัญญาและศีล เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญถวายทานในท่านเหล่านี้ หรือทำบุญปรารภการเวียนเกิดเวียนตาย ทานที่ถวายในสงฆ์ ย่อมมีผลมาก พระสงฆ์นี้เป็นผู้มีคุณความดีอันยิ่งใหญ่ ยังผลให้เกิดแก่ผู้ถวายทานในท่านอย่างไพบูลย์ยากที่ใครจะปริมาณว่าเท่านี้ ๆ ได้ เหมือนทะเลยากที่จะคาดคะเนได้ว่ามีน้ำเท่านี้ ๆ ได้ ฉะนั้นพระสงฆ์เหล่านี้แล เป็นผู้ประเสริฐสุด เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีความเพียร เป็นเยี่ยมในหมู่นรชนเป็นแหล่งสร้างแสงสว่าง คือ ญาณของชาวโลก ได้แก่ นำเอาแสงสว่าง คือ พระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วมาชี้แจง ปวงชนที่ใคร่ต่อบุญเหล่าใด ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทักขิณาของเขาเหล่านั้นชื่อว่าเป็นทักขิณาที่ถวายดีแล้ว เป็นยัญวิธีที่เซ่นสรวงถูกต้อง จัดเป็นบูชากรรมที่บูชาแล้วชอบ เพราะทักขิณานั้นจัดเป็นสังฆทานมีผลมาก อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลก ทรงสรรเสริญชนเหล่าใดยังท่องเที่ยวอยู่ในโลก มาหวนระลึกถึงบุญเช่นนี้ได้ เกิดปีติโสมนัส ก็จะกำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่พร้อมทั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ความลังเลในใจ และการตีตนเสมอท่าน อันเป็นมูลฐานเสียได้ทั้งจะไม่เป็นผู้ถูกผู้รู้ติเตียน แต่นั้นก็จะเข้าถึงสถานที่ ๆ เป็นแดนสวรรค์ จบ “ทัททัลลวิมาน”[๑]
                สรุปได้จากเรื่องราวดังกล่าวข้างต้นนั้น ได้สาธยายถึงอานิสงส์ของการถวาย “สังฆทาน” ว่ามีผลานิสงส์มากมายนับคณาพรรณสูงส่งเรืองรอง ต่อตนผู้มีจิตมั่นน้อมใจในการถวายของพระสงฆ์ โดยไม่มีเจตนาเฉพาะเจาะจงต่อคณะสงฆ์รูปใดท่านก็ตามเถิด มีบุญผลานิสงส์ให้ทราบกันมากมายทั่วกัน    
ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเชิญชวนผู้อ่านและผู้ชมทั้งหลาย ร่วมน้อมจิตอันเป็นกุศลในขณะการที่ถวายทานต่าง ๆ นั้นที่บริสุทธิ์ อันข้าพเจ้าได้จัดเตรียมมาเพื่อน้อมถวาย ให้ทานนั้นจงเป็น “สังฆทาน” ด้วยอานิสงส์ของทานนั้นเถิด สาธุ สาธุ สาธุ


***********************





[๑] ขุททกนิกาย. ๑๘/๓๔/๔๗-๕๐.



บรรณานุกรม

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา เล่มที่ ๑๘ ข้อที่ ๓๔ หน้าที่ ๔๗ – ๕๐.

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อุโบสถศีล: จิรัฐติกาลป์ แสงสุข

อุโบสถศีล: จิรัฐติกาลป์ แสงสุข: อุโบสถศีล...ในพระพุทธศาสนาเถรวาท... *****อานิสงส์..เมื่อครั้น..พุทธกาล*****                                                        ...

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จิรัฐติกาลป์ แสงสุข

อุโบสถศีล...ในพระพุทธศาสนาเถรวาท...
*****อานิสงส์..เมื่อครั้น..พุทธกาล*****                                                      
คำอธิบาย: C:\Documents and Settings\Administrator\My Documents\My Pictures\04.jpg
***********************************************************************





                     






โดย….. จิรัฐติกาลป์   แสงสุข

                                                                                         นักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา มมร.
                                                                                           
                                                                                                ลำดับที่  ๐๒  รหัสนักศึกษา  ๕๖๓๐๑๕๐๑๓๒๐๐๒

***********************************************************************
บทนำ
                ความเดิมเมื่อครั้นสมัยพุทธกาล บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่าไว้ ด้วยอานิสงส์ของการรักษาอุโบสถศีลนั้น ผู้เขียนได้สาธยายถึงอานุภาพที่บังเกิดขึ้นของอานิสงส์นั้น นับว่ามีมากมายหลายประการกล่าวไว้ให้ติดตาม ครั้งนี้ผู้เขียนของหยิบยกมาเพียงเรื่องหนี่ง เพื่อประกอบการเรียนวิชา..เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา (รหัสวิชา พ.๑๒๐๔) พระอาจารย์ผู้สอนโดยพระมหาบุญไทย ปมโน, ดร.

                พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา ข้อที่ ๑๕ หน้าที่ ๑๕ – ๑๖
                อานิสงส์ของการรักษาอุโบสถศีลนั้น ด้วยอานิสงส์ของผลบุญที่สามารถส่งผลทำให้ผู้รักษาได้ไปเกิดในอุตตราวิมาน ดังที่ว่าพระมหาโมคคัลลานะถามว่า  “แน่ะนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไสวฉายแสงไปทั่วทุกทิศเหมือนกับดาวประกายพฤกษ์ เพราะทำบุญอะไรไว้ ท่านจึงมีผิวพรรณงามถึงอย่างนี้ เพราะทำบุญอะไรไว้ อิฐผลจึงสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ และโภคทรัพย์อันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเกิดขึ้นแก่ท่าน ดูกร นางเทพธิดาผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ อาตมาขอถามท่าน ครั้งท่านยังเป็นมนุษย์อยู่ได้ทำบุญสิ่งใดไว้ ท่านจึงมีอานุภาพอันรุ่งเรืองถึงอย่างนี้ อนึ่งรัศมีกายของท่านสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะทำบุญอะไรไว้?
                นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีใจยินดีได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกซักถามว่า เมื่อครั้งดิฉันยังปกครองบ้านเรือนอยู่ ดิฉันไม่มีความริษยา ไม่มีความตระหนี่ ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ตีเสมอ ไม่โกรธ ไม่ประพฤตินอกใจสามี ไม่ประมาทในวันอุโบสถและวันปกติ เข้าจำอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ตลอดวัน ๑๔ ค่ำ วัน ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ ระมัดระวังในนิจศีลและอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด ตลอดกาลทุกเมื่อ ขณะที่อยู่ในวิมาน ดิฉันมีความสำรวมจำแนกทาน ยินดีในสิกขาบททั้ง ๕ คือ งดเว้นจากปาณาติบาตอย่างเด็ดขาด ๑ งดเว้นจากความเป็นขโมยอย่างห่างไกล ๑ ไม่ประพฤติล่วงประเวณี ๑ ระมัดระวังในการพูดเท็จ ๑ สำรวมการดื่มน้ำเมาอย่างเด็ดขาด ๑ ดิฉันเป็นผู้ฉลาดในอริยสัจธรรม เป็นอุบาสิกาของพระโคดมผู้มีพระจักษุเปรื่องยศ ดิฉันนั้นผู้ยิ่งยศ โดยยศได้ก็เพราะศีลของตนเอง ดิฉันได้เสวยผลแห่งบุญของตนอยู่ จึงสุขกายสุขใจปราศจากโรค เพราะการกระทำและการประพฤติอย่างนั้น ดิฉันจึงมีผิวพรรณถึงเช่นนี้ อิฐผลสำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้ได้ ก็เพราะการกระทำและการประพฤติอย่างนั้น โภคทรัพย์อันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดแก่ดิฉันก็เพราะการกระทำอย่างนั้น ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ดิฉันขอบอกแก่ท่าน ครั้งดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ได้บำเพ็ญกิจและประพฤติสิ่งใดไว้ เพราะการกระทำและความประพฤตินั้นดิฉันจึงมีอานุภาพอย่างรุ่งโรจน์ถึงเช่นนี้ อนึ่ง รัศมีการของดิฉันสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ ก็เพราะการกระทำและความประพฤตินั้น
               นางเทพธิดาได้กราบและได้กราบเรียนต่อไปว่า ขอท่านได้กรุณานำไปกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคตามคำของดิฉันด้วยเถิดว่า นางอุตตราอุบาสิกา ขอถวายบังคมพระบาทยุคลของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า  ข้าแต่ท่านผู้เจริญ  ข้อที่พระผู้มีพระภาคพึงทรงพยากรณ์ดิฉัน   ในสามัญผลอย่างใดอย่างหนี่งนั้น ไม่น่าอัศจรรย์เลย แต่ข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ดิฉันในสกทาคามิผลนั้นน่าอัศจรรย์”[๑]
สรุปได้ว่าอานิสงส์ของการรักษาอุโบสถศีลนั้น มีพลังอานุภาพของผลบุญที่สามารถทำให้ผู้รักษาอุโบสถศีลนั้น ได้ไปเกิดในสวรรค์ และมีโภคทรัพย์สมบัติมากมาย ผิวพรรณวรรณผ่องใสเรืองรอง ผู้เขียนจึงมีความคิดว่า พวกเราทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมินี้ ควรหันหน้ากันเข้าวัดรักษาอุโบสถศีลกันในวันพระ ประการที่ ๑ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของการรักษาอุโบสถศีลกันไว้ ประการที่ ๒ กุศลผลบุญของการรักษาอุโบสถศีลนั้น ยังมีอานิสงส์ส่งผลอีกมากมายให้แก่ผู้รักษานั้น และประการสุดท้าย คือ เป็นการสร้างความดี เพื่อศาสนา เพื่อสังคม เพื่อครอบครัว และเพื่อตนเอง

***********************************************************************

คำอธิบาย: C:\Documents and Settings\Administrator\My Documents\My Pictures\04.jpg



                                                                       บรรณานุกรม
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ(ภาษาไทย) พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา  เล่มที่ ๑๘  ข้อที่ ๑๕  หน้า ๑๕-๑๖.


[๑] ขุททกนิกาย. ๑๘/๑๕/๑๕-๑๖.